Download
ทำได้จริงแล้ว!! ปลูกต้นหอม 1 ไร่ ขายได้ 9 หมื่น ปลดหนี้ 20 ล้าน ใน 4 ปี!!
เรื่องราวนี้ เผยจากชาวไร่ ที่ไร่ลิ้มสิทธิโชค เลขที่ 6 หมู่ 2 ต.แก้มอ้น อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
หากจะพูดถึง ต้นหอม หรือ ที่ชาวไร่ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หอมแบ่ง (Multiply Onion) เป็นพืชผักที่มีอายุการเพาะปลูก 40 – 45 วันก็เก็บขายได้ สามารถปลูกทำรายได้ตลอดปี ถือเป็นพืชที่ใช้ระยะเวลาอันสั้น ปลูกแป๊บเดียวก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว เมื่อเทียบกับ พืชทั่ว ๆ ไป ที่ต้องการทำกำไรสูง ๆ
สภาพดินปลูกได้ทุกประเภท ถ้าจะให้ดีเป็นดินร่วนจะดีมาก
สำหรับ การเลือกพันธุ์ ของ หัวหอม หรือ หอมแบ่ง ที่ให้ผลผลิตสูง คือ พันธุ์ที่มาจากประเทศไต้หวัน เกษตรกรนิยมปลูกมากเพราะแตกกอดี ส่วนของไทยก็มีพันธุ์ลับแลและพันธุ์อุตรดิตถ์นั่นเองครับ เพราะ พันธุ์ที่นี่ ถือว่า เป็นพันธุ์ที่ดีมาก ๆ หัวแน่น แข็ง ให้น้ำหนักดีมาก ไม่เน่าง่าย ๆ ทนต่อสภาพอากาศชื้น เมื่อเราเอาไปแขวนแห้งในโกดัง เมื่อต้องการขายแบบแขวนแห้ง
ขั้นตอนการเพาะปลูก
1. เลือกพันธุ์หอมแบ่ง ที่ให้ผลผลิตสูง เช่นพันธุ์ไต้หวัน เมื่อเลือกได้แล้วนำมาตัดรากเก่าและตรงหัวทิ้งจากนั้นเอาผ้าเปียกมาปิดคุมไว้ให้ชื้น ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง
2. การเตรียมดิน เนื่องจากต้นหอมหรือหอมแบ่งเป็นพืชที่มีรากตื้น การขุดไถ่พรวนดินควรลึกประมาณ 15-20 ซม. ตากดินไว้ 5-7 วัน จากนั้นก็เอาปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักชีวภาพมาคลุกเคล้ากับดิน (นี่คือการบำรุงดินใส่ปุ๋ยครั้งแรก) เสร็จแล้วก็ยกดินทำเป็นแปลงผัก กว้างประมาณ 1.5 ม.ความยาวตามต้องการแต่ต้องให้สะดวกในการรดน้ำ สุดท้ายพรวนดินย่อยแล้วเขี่ยดินให้สม่ำเสมอกัน
3. การเพาะปลูก เมื่อเตรียมดินและยกแปลงผักเสร็จแล้ว รดน้ำแปลงผักให้ชุ่ม นำหัวหอมที่เตรียมไว้มาปักลงดิน เพียงครึ่งหัว โดยปักเป็นแถวให้ห่างกัน 12-15 ซม.จนเสร็จ หัวหอมที่ใช้ประมาณ 60-80 กิโลกรัมต่อ1ไร่ แล้วนำฟางข้าวหรือ แกลบมาคลุมทับ(เพื่อดูดซับความชื้นไว้) รดน้ำให้ทั่ว อย่าลืมรดน้ำทุกวันเช้าและเย็น นะจ๊ะ
4. การบำรุงรักษา หลังปลูกมาได้ประมาณ 10-20 วัน ก็ใส่ปุ๋ยบำรุงครั้งที่สอง โดยให้ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักชีวภาพ หรือปุ๋ยเคมี ถ้าเป็นปุ๋ยเคมีก็มีสูตร 20-10-10 หรือ 20-10-20 หรือ 12-8-8 และปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ใส่บำรุงผัก อัตราส่วนการใส่ปุ๋ยจะอยู่ประมาณ 20-25 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่
5. การเก็บเกี่ยวและจำหน่าย ต้นหอมสามารถเก็บและออกจำหน่ายได้ดีจะต้องมีอายุ 40-45 วันหลังการเพาะปลูก เพราะผักจะโตเต็มที่ ใบสีเขียวสด
ส่วนการจำหน่ายบางครั้งก็จะมีแม่ค้ามาเหมาสวน แต่จะได้ราคาไม่ดีเท่าที่เราใส่รถไปขายส่งที่ศูนย์จำหน่ายพืชผักตามจังหวัดต่างๆ ที่มี
ขอขอบคุณ ม.หอการค้าไทย และ ไทยอินโฟเนต
อ้างอิงที่มาของข้อมูล : http://www.zipworld.co/744/
อ้างอิงที่มาของข้อมูล : http://www.zipworld.co/744/
เพิ่มเติมจาก แอดมิน ( จากประสบการณ์ตรง )
สำหรับเรื่องของราคาตลาดนั้น ขึ้นอยู่กับแหล่งตลาด ซึ่ง ปัจจุบัน จะมีการส่งออกไปยังมาเลเซีย และ จะมีพ่อค้าคนกลาง ซึ่งประเทศไทยเรา ส่วนมาก พ่อค้าจะมาจาก จ.ศรีสะเกษ โดยราคาจะถูก หรือ แพง ขึ้นอยู่กับ ความต้องการที่มาก หรือ น้อย ในแต่ละช่วง และ อีกอย่างขึ้นอยู่กับ คุณภาพของหัวหอม และ จำนวนผลผลิตในแต่ละช่วงครับ
ซึ่ง การขาย จะมีขายอยู่ 2 ลักษณะ คือ ขายแบบ หอมดิบ เป็นการขายจากไร่ หมายถึง พ่อค้ารับซื้อถึงไร่ โดยเก็บเกี่ยว แล้ว ขนส่งขายให้กับพ่อค้าได้เลย น้ำหนัก ก็จะได้ดีหน่อย เพราะ น้ำหนักหัวหอมจะหนัก ราคาดี หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ คุณภาพหัวหอม
และอีกลักษณะหนึ่ง ขายแบบแห้งครับ ลักษณะอาจจะมองเรื่องราคาทางการตลาดเป็นหลัก หาก ช่วงไหน ราคาขายดิบไม่ค่อยดี ก็ต้องมีการวางแผนการเก็บเกี่ยว เพื่อกักตุนผลผลิต เพื่อนำไปขายแบบแขวนแห้ง และ เราต้องมีการติดตามราคา จากพ่อค้าคนกลาง เป็นช่วง ๆ เพื่อจะได้นำออกขาย
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของ การทำการเกษตร ที่ทำแบบให้ได้กำไร แต่อาจมีพืชชนิดอื่น ๆ ที่สามารถทำกำไรได้ มาก เช่นเดียวกัน ลองศึกษาจากแหล่งอื่น ๆ นะครับ ขอให้รวย ๆ ครับ